The Persistence of Memory ความทรงจำอันตราตรึง
ศิลปะยังไงก็ยังเป็นงานที่มีคุณค่าไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม ทั้งคุณค่าทางจิตใจและคุณทางเงินก็ไม่เคยที่จะลดน้อยลงไปเลยสักที
เห็นได้ชัดว่าต่อให้เวลาจะเปลี่ยนผ่านไปมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่จะเปลี่ยนไปด้วยเลยก็คือคุณค่าที่อาจจะมากขึ้นหรือลดลง ถ้าจะถามว่าในชีวิตของมนุษย์อะไรที่สำคัญ ยังไงๆเวลาก็คือคำตอบแรกๆอยู่ดี เพราะไม่ว่าจะยังไงเวลาจะหมุนไปในอนาคตก็ไม่ได้ จะย้อนอดีตไปแก้ไขก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
คล้ายกับงานศิลปะ The Persistence of Memory ไม่ว่าจะทั้งอดีตหรือปัจจุบัน งานศิลปะชิ้นนี้ก็กลายเป็นที่รู้จักกันอยู่ดี และจะเรียกว่าเป็นตำนานงานศิลปะเตือนใจเลยก็ว่าได้ แต่จริงๆแล้วก็มีความหมายอื่นแฝงอยู่ด้วยเหมือนกัน งั้นก็ควรจะต้องทำความรู้จักกับงานศิลปะชิ้นเอกของโลกกันหน่อยแล้ว
The Persistence of Memory ถ้าแปลตามชื่อของไทย คือ นาฬิกาอ่อน,นาฬิกาแข็ง หรือถ้าเป็นชื่อไทยที่หลักๆแล้วรู้จักกันดี คือ ความทรงจำอันตราตรึง ซึ่งภาพนี้ถูกเขียนขึ้นโดย ซัลวาโด ดาลี (Salvador Dali) ซึ่งเป็นศิลปินชาวเสปน และจริงๆแล้วผลงานชิ้นเอกที่ทำให้เขาได้กลายเป็นที่รู้จักเลยนั้นก็มีส่วนที่มาจากลัทธิเหนือจริง
แต่ลัทธิเหนือจริงที่ว่านั้นไม่ใช่ลัทธิแบบที่เข้าใจกัน แต่ในที่นี้หมายถึง กลุ่มคนที่มีการวาดงานศิลปะที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุคเรเนซองส์มากกว่า ซึ่งความหมายที่น่าสนใจนี้เลยก็เป็นเรื่องของการที่ภาพหรืองานศิลปะที่ถูกทำออกมานั้นเกินความเป็นจริงนั่นเอง
และสำหรับภาพนี้ดาลีเองไม่เคยออกมาเปิดเผยแม้กระทั่งความหมายหรือเหตุผลของภาพที่แท้จริง เพราะฉะนั้นจึงทำให้เกิดทฤษฎีมากมายขึ้นมาในการตีความหมายของภาพ
เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วถ้าเป็นการตีความหมายตามหลักของคนทั่วไปแล้วนั้น ทำให้เห็นว่าไม่ว่าสภาพแวดล้อมหรืออะไรจะเกิดขึ้น และส่งผลมากมายสักแค่ไหน แต่สิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ไม่สามารถที่จะส่งผลกระทบอะไรทั้งนั้นก็คงจะเป็นเรื่องของเวลา อย่างที่เห็นว่าต่อให้นาฬิกาจะเหลวหรือเป็นอย่างไร เวลาก็คงจะยังเดินต่อไปอยู่ดี
ถ้าคิดอยากที่จะดูงานศิลปะชิ้นนี้ด้วยตาตัวเอง Museum of Modern Art (MoMA) นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา คือที่เก็บงานศิลปะชิ้นนี้ และแนะนำว่าถ้าจะไปทัวร์แล้วยังมีงานศิลปะอื่นๆให้ได้ตีความหมายกันอีกด้วย เพราะย่างน้อยการได้ไปดูงานเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดไอเดียต่างๆได้อีกด้วย เอาเป็นว่าเป็นหนึ่งในการต่อยอดทางศิลปะเลยละกัน